กรณีที่ 1 มารดาจดทะเบียนยกที่ดินให้บุตรชายและลูกสะใภ้  เป็นสินสมรส

เท่ากับมารดายกที่ดินและบ้านให้บุตรชายครึ่งหนึ่ง และยกให้ลูกสะใภ้อีกครึ่งหนึ่ง กรณีนี้ จะต้องคิดค่าใช้จ่ายโอนเป็น 2 ส่วน ดังนี้

1.1 ส่วนแรกที่ยกที่ดินและบ้านครึ่งหนึ่งให้บุตรชายโดยเส่น่หา ไม่มีค่าตอบแทน จะเสียค่าธรรมเนียมการโอนร้อยละ 0.5 ของราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ค่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย ไม่ต้องเสีย ค่าภาษีธูรกิจเฉพาะ ไม่ต้องเสีย แต่จะต้องเสียค่าอากรแสตมป์ในอัตราร้อยละ 0.5 ของราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

1.2 ส่วนที่ 2 ที่ยกที่ดินและบ้านให้ลูกสะใภ้โดยเสน่หา ไม่มีค่าตอบแทน จะต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอนร้อยละ 2 ของราคาประเมินที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ หากมารดาผู้ให้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเกิน 5 ปีหรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในฐานะเจ้าบ้านเกิน 1 ปี ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ ไม่ต้องเสีย แต่จะต้องเสียค่าอากรแสตมป์ในอัตราร้อยละ 0.5 ของราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แต่หากอยู่ในเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ก็จะต้องเสียในอัตราร้อยละ 3.3 ของราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แต่เมื่อได้เสียภาษีธุรกิจเฉพาะแล้ว ค่าอากรแสตมป์ก็ไม่ต้องเสีย

2. กรณีมารดายกที่ดินให้บุตรชายเป็นสินส่วนตัวโดยเสน่หา ไม่มีค่าตอบแทน  จะเสียค่าธรรมเนียมการโอนร้อยละ 0.5 ของราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ค่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย ไม่ต้องเสีย ค่าภาษีธูรกิจเฉพาะ ไม่ต้องเสีย แต่จะต้องเสียค่าอากรแสตมป์ในอัตราร้อยละ 0.5 ของราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

เมื่อบุตรชายรับให้มาจากมารดาเป็นสินส่วนตัวแล้ว จะให้ที่ดินแก่คู่สมรสครึ่งหนึ่ง ก็จะเสียค่าธรรมเนียมร้อยละ 0.5 ของราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (เฉพาะส่วนที่ยกให้ครึ่งหนึ่ง) เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ (กรณ๊ได้รับให้มาแล้ว ยกให้ภริยาเลยโดยไม่ต้องรอให้พ้น 5 ปี) ค่าอกรแสตมป์ไม่ต้องเสีย

เมื่อพิจารณาในภาพรวมแล้ว เห็นว่า การที่มารดายกให้บุตรชายทั้งแปลงเป็นสินส่วนตัวก่อน น่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายในการโอนมากกว่า เพราะเสียค่าธรรมเนียมการโอนร้อยละ 0.5 และค่าอากรแสตมป์ร้อยละ 0.5 ส่วนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่ายและค่าภาษีธุรกิจเฉพาะไม่ต้องเสีย