คำกล่าวนำสมุดเยี่ยมชม
คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้สมุดเยี่ยมชม
สอบถาม ถ้าพ่อต้องการซื้อห้องชุดให้ลูกที่เป็นสัญชาติเป็นต่างชาติแล้ว ทำได้หรือไม่ ถ้าได้ต้องทำอย่างไร | |
ขอสอบถามค่ะ
ดิฉันแต่งงานกับสามีต่างชาติ และได้โอนสัญชาติเป็นชาวต่างชาติไป 10 กว่าปีแล้ว
ตอนนี้คุณพ่ออยากจะซื้อห้องชุดในกรุงเทพฯให้ โดยให้ดิฉันมีชื่อเป็นเจ้าของห้องชุดแต่เพียงผู้เดียว
ไม่ทราบว่าทำได้หรือไม่ โดนที่ทางดิฉันจะไม่ต้องทำการโอนเงินต่างประเทศเข้าไป เพราะคุณพ่อจะเป็นคนจ่ายให้
คือทราบมาว่า มีวิธีการคือถ้าคุณพ่อซื้อในชื่อตัวเองก่อน แล้วหลังจากนั้น จะสามารถโอนห้องชุดให้ดิฉันที่เป็นลูกให้เพื่อเป็นมรดก จะมีการแค่เสียค่าธรรมเนียมตามกฏหมาย อยากทราบวิธีการนี้โดยละเอียดด้วย ไม่ทราบว่าพอจะแนะนำได้ไม๊คะ?
หรือถ้ามีวิธีการอื่น กรุณาแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ |
| |
1. ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากคุณได้สละสัญชาติไทยไปแล้ว กรณีจึงมีผลว่า คุณเป็นคนด้าว เมื่อคุณเป็นคนต่างชาติ การจะซื้อคอนโดจะต้องโอนเงินจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยเพื่อซื้อห้องชุด 2. กรณีซื้อโดยใส่ชื่อของพ่อก่อน หลังจากนั้นพ่อโอนให้ลูก มีผลว่า พ่อยกคอนโดให้ลูกซึ่งเป็นคนต่างด้าว หากโอนแล้วอัตราส่วนที่ถือครองเกินร้อยละ 49 ของเนื้อที่ทั้งหมด ห้องชุดของคุณจะต้องถูกบังคับขายตามกฎหมายภายใน 1 ปีนับแต่วันที่ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ห้องชุด จะเสียค่าธรรมเนียม 2 ต่อ ๆ แรก 2% ต่อที่สอง 0.5%
ทางออกในกรณีดังกล่าวจึงมี 2 ทาง คือ 1. โอนเงินจากต่างประเทศมาซื้อห้องชุด หรือ 2. เดินเรื่องขอคืนสัญชาติไทยตามรายละเอียดต่อไปนี้
สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิประชาชนระหว่างประเทศ (สฝคป.) ขอเรียนให้ทราบว่า หากคุณเปลี่ยนสัญชาติตามสามีและได้สละสัญชาติไทยด้วยแล้ว คุณอาจกลับมาถือสัญชาติไทยดังเดิมได้ด้วยการแปลงสัญชาติเป็นไทยหรือการขอคืนสัญชาติไทยอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วแต่กรณี ดังต่อไปนี้ 1.การแปลงสัญชาติ ตามพระราชบัญญัติสัญชาติ มาตรา 10 พ.ศ. 2508 ได้บัญญัติไว้ว่า คนต่างด้าวซึ่งมีคุณสมบัติครบถ้วนดังต่อไปนี้ อาจขอแปลงสัญชาติเป็นไทยได้ 1. บรรลุนิติภาวะแล้วตามกฎหมายไทยและกฎหมายที่บุคคลนั้นมีสัญชาติ 2. มีความประพฤติดี 3. มีอาชีพเป็นหลักฐาน 4. มีภูมิลำเนาในราชอาณาจักรไทยต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทยเป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปี 5. มีความรู้ภาษาไทยตามที่กำหนดในกฎกระทรวง พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 มาตรา 11 ได้บัญญัติไว้ว่า บทบัญญัติในมาตรา 10 (4) (5) มิให้นำมาใช้บังคับถ้าผู้ขอแปลงสัญชาติเป็นไทย (1) ได้กระทำความดีความชอบเป็นพิเศษต่อประเทศไทย หรือได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ทางราชการซึ่งรัฐมนตรีเห็นสมควร (2) เป็นบุตร ภริยา หรือสามีของผู้ซึ่งได้แปลงสัญชาติเป็นไทย หรือของผู้ได้กลับคืนสัญชาติเป็นไทย (3) เป็นผู้ได้เคยมีสัญชาติไทยมาก่อน (4) เป็นสามีของผู้มีสัญชาติไทย พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 มาตรา 12ได้บัญญัติไว้ว่า ผู้ใดจะขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ให้ยื่นคำขอต่อพนักงานจ้าหน้าที่ตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวงผู้ประสงค์จะแปลงสัญชาติเป็นไทยตามวรรคหนึ่งซึ่งมีบุตรซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะตามกฎหมายไทย และบุตรนั้นมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย อาจขอแปลงสัญชาติเป็นไทยให้แก่บุตรพร้อมกับตนได้ โดยบุตรนั้นได้รับการยกเว้นไม่ต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา 10(1) (3) (4)และ (5) การอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทยให้อยู่ในดุลพินิจของรัฐมนตรี เมื่อรัฐมนตรีเห็นสมควรอนุญาตให้นำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เมื่อได้รับพระบรมราชานุญาตแล้ว ให้ผู้ขอแปลงสัญชาติไทยปฏิณาณตนว่า จะมีความซื่อสัตย์สุจริตต่อประเทศไทย 2. การขอคืนสัญชาติไทย ตามมาตรา 23 ของพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551ได้บัญญัติไว้ว่า ชายหรือหญิงซึ่งมีสัญชาติไทยและได้สละสัญชาติไทยในกรณีที่ได้สมรสกับคนต่างด้าวตามมาตรา 13 ถ้าได้ขาดจากการสมรสแล้วไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ ย่อมมีสิทธิขอคืนสัญชาติไทยได้ การขอกลับคืนสัญชาติไทยให้แสดงความจำนงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง ดังนั้น หากคุณได้สละสัญชาติไทยไปแล้วและประสงค์ที่จะเปลี่ยนกลับมาถือสัญชาติไทยใหม่ คุณก็ย่อมสามารถทำได้ตามที่กำหนดไว้ในตามพระราชบัญญัติสัญชาติฯมาตรา10 และ มาตรา 12 โดยยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง การอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทยอยู่ในดุลพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและจะมีผลต่อเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่หากคุณได้ขาดจากการสมรสกับสามีไม่ว่าจะเพราะสามีคุณถึงแก่กรรมหรือเพราะการหย่า คุณก็ย่อมมีสิทธิขอคืนสัญชาติไทยได้ตามความในมาตราที่ 23 ที่กล่าวไว้ข้างต้นโดยแสดงความจำนงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง หลังจากที่คุณได้เปลี่ยนสัญชาติมาเป็นสัญชาติไทยแล้ว ถือว่าคุณเป็นพลเมืองไทยแล้วและมีสิทธิตามกฎหมายในฐานะพลเมืองไทยเช่นเดิมทุกประการ
ขอขอบคุณสำนักงานอัยการสูงสุด
|
โดยคุณ วัชรพล วัชรตระกูล [ 2017-01-18 ] ตอบ 1462 |
|
|
คำเตือนเกี่ยวกับการใช้สมุดเยี่ยมชม