ตามพ.ร.บ.อาคารชุด (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 25514 มาตรา 4 ยกเลิกความในมาตรา 6 เดิม และใช้มาตรา 6 ใหม่ ซึ่งบัญญัติไว้ว่า ในการยื่นคำขอจดทะเบียนอาคารชุดจะต้องแนบร่างข้อบังคับนิติบุคคลอาคารชุดด้วย ตามมาตรา 6 (6) เมื่อเอกสารแนบคำขอไม่ครบ ก็ชอบที่จะปฏิเสธไม่รับคำขอจนกว่าเจ้าของโครนงการจะแนบเอกสารประกอบคำขอให้ครบ แต่กรณีก็อาจเป็นไปได้ว่า ตอนยื่นคำขอเอกสารครบ ต่อมาเอกสารสูญหายไป
4.1 กรณีที่ผู้จัดการจะมีความผิดตามตามมาตรา 69 ฐานฝ่าฝืนมาตรา 32 วรรค 2 คือ ไม่นำข้อบังคับที่แก้ไขเพิ่มเติมจากข้อบังคับที่เจ้าของโครงการได้ยื่นไว้ในขณะจดทะเบียนอาคารชุด ไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วมมีมติ จะต้องปรากฏว่า มีข้อบังคับเดิมที่เจ้าของโครงการได้ยื่นเอาไว้ในขณะยื่นคำขอจดทะเบียนอาคารชุด แล้วต่อมาเจ้าของร่วมมีมติแก้ไข แล้วผู้จัดการไม่นำไปจดทะเบียนจึงจะมีความผิด แต่ตามข้อเท็จจริงที่สอบถาม ไม่ปรากฏว่ามีข้อบังคับนิติบุคคลอาคารชุด B ในขณะจดทะเบียนอาคารชุด จึงเป็นการยากที่จะพิสูจน์ว่า มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับหรือไม่
4.2 การพ้นจากตำแหน่งผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดจะต้องเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ในมาตรา 35/3 คือ (1) ตายหรือสิ้นสภาพการเป็นนิติบุคคล (2) ลาออก (3) สิ้นสุดระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้าง (4) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 35/1 (5) ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติอาคารชุดหรือกฎกระทรวง หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้าง และที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วมมีมติให้ถอดถอนตามมาตรา 49 (6) ที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วมมีมติให้ถอดถอน เมื่อความปรากฏว่าผู้จัดการไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายอาคารชุด และที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วมมีมติให้ถอดถอนแล้ว ผู้จัดการย่อมพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 35/3 (5) หากผิดกฎหมาย แต่เจ้าของร่วมไม่มีมติให้ถอดถอน ผู้จัดการก็ยังไม่พ้นจากตำแหน่ง หน่วยงานที่ร้องเรียนไม่มี เพราะกฎหมายอาคารชุดให้อำนาจที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วมลงมติถอดถอนแล้ว
4.3 เมื่อไม่มีข้อบังคับนิติบุคคลอาคารชุด B ที่กรมที่ดิน ก็ควรจะทำหนังสือสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ดินว่า เหตุใดจึงไม่มี เพราะกฎหมายบังคับให้แนบร่างข้อบังคับตั้งแต่ยื่นคำขอจดทะเบียนอาคารชุดแล้ว