กรณ๊ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดของกรมบังคับคดี แต่มีเจ้าของเดิมอยู่ในทรัพย์ สามารถดำเนินการได้ในกรณีใดกรณีหนึ่งใน 2 กรณี ดังนี้
1. ผู้ซื้อมีสิทธิยื่นคำขอฝ่ายเดียวโดยยื่นต่อศาลที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตั้งอยู่ ขอให้ออกคำบังคับให้บุคคลเหล่านั้นออกไปภายในเวลาที่ศาลกำหนด แต่ต้องไม่น้อยกว่า 30 วัน โดยให้ถือว่า ผู้ซื้อเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับคดีขอให้ขับไล่มาใช้บังคับโดยอนุโลม ทั้งนี้โดยไม่ต้องฟ้องเป็นคดีขับไล่ขึ้นมาใหม่ (มาตรา 309 ตรีแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง)
วิธีนี้มีข้อดี คือ ใช้เวลาบังคับคดีขับไล่ออกไปจากที่ดินเร็วกว่าการฟ้องคดีใหม่ ซึ่งหากฟ้องใหม่อาจต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษา หากรวมถึงขั้นบังคับคดีให้ออกไปจากที่ดินอาจใช้เวลาถึงปี 6 เดือน จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับปริมาณคดีของศาลที่จะรับฟ้อง เนื่องจากปัจจุบันศาลใช้ระบบวิธีพิจารณาคดีต่อเนื่อง แต่มีข้อเสียคือ เรียกค่าเสียหายไม่ได้
2. ฟ้องขับไล่เป็นคดีใหม่ ข้อดีคือเรียกค่าเสียหายได้ ข้อเสียคือ ใช้เวลานานดังที่เรียนให้ทราบข้างต้น
โดยส่วนตัวเห็นว่า ควรใช้วิธีการที่ 1 เพราะหากใช้วิธีการที่ 2 เรียกค่าเสียหายได้ แต่หากลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินให้ยึดทรัพย์ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระค่าเสียหาย ผู้ซื้อทรัพย์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาก็จะไม่ได้อะไรเลย นอกจากคำพิพากษาเท่านั้น แต่ผู้อยู่อาศัยเดิมได้ประโยชน์เพราะอยู่ในที่ดินได้นานกว่าวิธีที่ 1
กรณีทำลายทรัพย์สิน เรามีสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายได้