กฎหมายบัญญัติให้ "ผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและอาคารตามมาตรา 6 เป็นเจ้าของร่วมในห้องชุดที่ยังไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่บุคคลใดบุคคลหนึง และต้องร่วมออกค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่งและวรรคสองสำหรับห้องชุดดังกล่าวด้วย" (มาตรา 18 วรรค 3 แห่งพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอาคารชุด ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2551)
ผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและอาคารตามมาตรา 6 ก็คือ เจ้าของโครงการนั่นเอง จึงอธิบายได้ว่า เมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดห้องแรกซึ่งจะต้องจัดตั้งนิติบุคคลอาคารชุดพร้อมกันไปด้วย (ตามมาตรา 31) เมื่อจัดตั้งนิติบุคคลอาคารชุดแล้ว เจ้าของโครงการจึงตกอยู่ในฐานะเจ้าของร่วมในห้องชุดที่ยังไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งและจะต้องร่วมออกค่าใช้จ่ายส่วนกลางตามมาตรา 18 วรรคหนึ่งและวรรคสองด้วย
กรณีตามปัญหาผมเข้าใจว่า น่าจะเป็นการประชุมใหญ่สามัญครั้งแรกที่กฎหมายบังคับให้ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดที่เจ้าของโครงการได้จดทะเบียนไว้ตอนจดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุด จัดให้มีการประชุมใหญ่ภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่ได้จดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุด (ตามมาตรา 42) เพื่อแต่งตั้งกรรมการและพิจารณาให้ความเห็นชอบข้อบังคับและผู้จัดการที่จดทะเบียนไว้ การชำระค่าส่วนกลางหลังวันประชุมลงมติตั้งู้จัดการสามารถทำได้เพราะไม่มีกฎหมายห้าม แต่ผู้จัดการคนใหม่ ๆ ที่ที่ประชุมใหญ่มีมติแต่งตั้งชอบที่จะคิดเบี้ยปรับเอาจากเจ้าของโครงการที่ชำระค่าส่วนกลางล่าช้าตามที่ระบุไว้ในข้อบังคับ
เจ้าของร่วมที่ค้างชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางตามมาตรา 18 ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ไม่มีสิทธิออกเสียงในการประชุมใหญ่ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 18/1 วรรค 2 แห่งพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอาคารชุด ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2551 ดังนั้น หากปรากฏข้อเท็จจริงว่า เจ้าของร่วมท่านนั้นค้างชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป จึงไม่มีสิทธิออกเสียงในการประชุมใหญ่ หากมีการลงคะแนนเสียงไป เสียงนั้นย่อมเป็นอันเสีย ไม่สามารถนับเป็นคะแนนเสียงได้