เมื่อป้าไปกู้ยืมเงินธนาคาร โดยจดทะเบียนจำนองที่ดินเป็นประกันหนี้ ต่อมาผิดนัดชำระหนี้ธนาคารฯ จึงฟ้องบังคับจำนองและนำที่ดินออกขายทอดตลาด เมื่อแม่ประมูลซื้อที่ดินได้ ปกติเจ้าพนักงานบังคับคดีจะต้องออกหนังสือแจ้งไปยังเจ้าพนักงานที่ดินให้โอนชื่อแม่เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ แต่คุณบอกว่า ป้าได้เข้าร่วมโครงการอะไรสักอย่าง จึงไม่สามารถเอาชื่อป้าออกโฉนดได้ ผมเลยงงและตอบไม่ถูกว่า โครงการอะไร ทำไม่ประมูลได้แท้ ๆ จึงต้องเพิ่มชื่อเข้าไปร่วมกับป้าให้เสียสิทธิของตัวเอง จริง ๆ ควรจะแก้ไขปัญหาตั้งแต่ตอนที่ทราบว่า ไม่สามารถจะเอาชื่อป้าออกจากโฉนดได้
แต่เมื่อดำเนินการไปแล้ว ผลก็คือ ป้ากับแม่ถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินร่วมกัน ต่างคนต่างมีกรรมสิทธิ์ที่ดินคนละครึง ป้ามีสิทธิที่จะขายที่ดินหรือจำนองที่ดินเฉพาะส่วนของป้าให้กับใครก็ได้ตามกฎหมาย แต่โชคดีที่แม่ถือโฉนดไว้ แม้ป้าจะขายได้ ก็ไม่มีโฉนดตัวจริงไปจดทะเบียน เมื่อป้าไม่ยอมคืนเงินให้ การจะฟ้องให้ป้าชำระเงินคืนให้คงไม่สามารถทำได้ เพราะไม่มีสัญญา
ในกรณีที่แม่จะมีชื่ออยู่ในโฉนดเพียงผู้เดียวก็สามารถทำได้ โดยให้ป้ายกที่ดินส่วนของป้าให้แม่ หรือขายส่วนของป้าให้แม่ แต่ไม่ว่าจะยกให้หรือขาย ค่าธรรมเนียม ค่าภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ ค่าอากรแสตมป์ (ถ้ามี) ก็เท่ากัน เพราะมิใช่เป็นการให้ระหว่างบุพการีกับผู้สืบสันดาน แต่ก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายการโอนเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น ทางแก้ที่ดีที่สุดน่าจะเป็น ให้แม่พาป้าไป "จดทะเบียนบรรยายส่วน" ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ความหมายคือ ไปจดทะเบียนให้ติดหลังโฉนดไว้ว่า ที่ดินแปลงนี้แต่เดิมมีกรรมสิทธิ์คนละครึง แต่เมื่อจดทะเบียนบรรยายส่วนแล้ว ก็จะเป็นว่า แม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงนี้มากกว่าป้า เช่น มีที่ดิน 100 วา หากไม่จดทะเบียนบรรยายส่วนป้าและแม่จะมีกรรมสิทธิ์คนละ 50 ตารางวาเท่ากัน แต่เมื่อไปจดทะเบียนบรรยายส่วน (ตกลงกันว่าใครจะถือที่ดินคนละเท่าใด) เช่น ที่ดิน 100 วา ให้แม่มีกรรมสิทธิ์ 95 ตารางวา ป้ามีกรรมสิทธิ์ 5 ตารางวา เช่นนี้ แม้จะเอาชื่อป้าออกไปไม่ได้ แต่ก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายในการโอนไปได้มากและน่าจะแก้ปัญหาของคุณได้บ้างตามสมควร