ประมาณ3-4ปีที่ผ่านมา รัฐได้ออกโฉนดให้ฟรี ซึ่งจาก นส.3 เดิม ทิศตะวันตกระบุติดคลองสาธารณะ ( เป็นลำธารกว้างประมาณ 4 เมตร ) แต่ในการ ปักหลักหมุดโฉนดเพื่อทำการรางวัด ด้านติดกับลำธาร เจ้าหน้าที่และชาวบ้านที่มากับทีมรางวัดได้ปักหลักหมุดโฉนดห่างจากตลิ่งลำธารประมาณ 10-20 เมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถปักหลักตรงตลิ่งลำธารได้ เนื่องจากทางเจ้าของที่ดินได้ปลูกต้นไม้ต่างๆเช่นต้นไผ่ ต้นมะพร้าว เพื่อกันตลิ่งพัง และยังมีต้นยางที่ขึ้นเองตามธรรมชาติซึ่งถ้าโค่นต้นยางก็ผิดกฎหมาย และทุกปีฤดูฝนน้ำจะหลากทุกปีถ้าโค่นถางต้นไม้ออก ไม่กี่ปี น้ำจะเซาะตลิ่งพังเข้ามามาก ดังนั้นทางช่างรางวัดจึงต้องปักหลักหมุดโฉนดบริเวณแนวป่าที่ปลูกกันตลิ่งพัง จึงทำให้เนื้อที่ดินจากหลักโฉนดไปถึงตลิ่งลำธารเหลือประมาณ อีก 1 ไร่ ( จากตลิ่งลำธารมาถึงหลักโฉนด น้ำท่วมไม่ถึงในฤดูน้ำปกติ ) และในโฉนดปัจจุบันก็ระบุว่า ด้านทิศตะวันตกติดคลองสาธารณะ
1. อยากทราบว่าที่ดินส่วนที่เหลือจากหลักโฉนดไปถึงตลิงลำธาร ยังเป็นของเจ้าของที่ดินหรือไม่
2. ถ้าทางเจ้าของที่ดินจะขอรางวัดที่ดินใหม่ได้หรือไม่ เพราะถ้าทำได้ จะได้ตัดต้นไม้ที่ไม่จำเป็นออก และปักหลักโฉนดใหม่ด้านที่ติดลำธารให้ใกล้ตลิ่งมากที่สุด เพราะจะได้เนื้อที่ดินเพิ่มขึ้นมาบ้างให้ใกล้เคียงกับเนื้อที่ดินจริง
3. จะมีวิธีแก้ไขยังงัย สำหรับเนื้อที่ดินจากหลักโฉนดไปถึงตลิ่งลำธารให้มีเอกสารสิทธิ ( ที่ดินทุกแปลงที่ติดลำธารสาธารณะ ในโฉนดกับเนื้อที่ดินจริงไม่ตรงกัน บางคนในโฉนด 5ไร่ แต่ที่ดินจริงประมาณ 7 ไร่ เพราะปักหลักหมุดห่างจาตลิ่งเยอะมาก เพราะลำธารชนบท ตามธรรมชาติคดเคี้ยวและมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นเยอะมาก ทางทีมรางวัดจึงปักหัวท้ายให้ตรงแล้วทำการรางวัดที่ที่ยื่นออกไป หรือคดเคี้ยวจึงไม่ได้เข้ามาอยู่ในโฉนด) |